มือใหม่หัดซื้อประกันต้องรู้! ประกันชีวิต 15 ปี, 20 ปี หรือแบบไหน ถึงเหมาะกับเราที่สุด

มือใหม่หัดซื้อประกันต้องรู้! ประกันชีวิต 15 ปี, 20 ปี หรือแบบไหน ถึงเหมาะกับเราที่สุด

สำหรับใครที่ยังไม่เคยมีประกันชีวิตและกำลังคิดจะทำประกันชีวิตก็อาจจะงงๆ กันอยู่สักหน่อย ว่าแท้จริงแล้วประกันชีวิตมีกี่แบบ เพราะหลายคนคงเห็นทั้งคำว่าประกันชีวิต 15 ปี, ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ 30 ปี, ประกันชีวิตตลอดชีพ และอื่นๆ อีกมากมายเต็มไปหมด ดังนั้นตามเราไปไขข้อข้องใจกันว่าแท้จริงแล้วประกันชีวิตมีกี่แบบ เพื่อจะได้เลือกได้ตรงตามความต้องการของตัวเองมากที่สุด

ประกันชีวิตมีทั้งหมด 4 แบบ ซึ่งความคุ้มครองและผลประโยชน์แตกต่างกันออกไปดังต่อไปนี้

1. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา

ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา คือ ประกันชีวิตที่เน้นการคุ้มครองชีวิตระยะสั้น โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายเบี้ยประกันเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองกี่ปี เช่น ประกันชีวิต 5 ปี, ประกันชีวิต 10 ปี, ประกันชีวิต 15 ปี เป็นต้น เมื่อจ่ายเบี้ยประกันไปแล้วเจ้าของกรมธรรม์จะได้รับความคุ้มครองตามจำนวนปีที่เลือกไว้ตามสัญญา และเมื่อกรมธรรม์ครบกำหนดสัญญาแล้วแต่เจ้าของกรมธรรม์ยังมีชีวิตอยู่ก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น เปรียบเสมือนการจ่ายเบี้ยทิ้ง แต่หากเจ้าของกรมธรรม์เสียชีวิตในช่วงระยะเวลาการคุ้มครองตามสัญญา ผลตอบแทนก็จะไปตกอยู่กับบุคคลที่เราระบุชื่อไว้ว่าจะได้รับผลประโยชน์แทนเรา เช่น พ่อ แม่ สามี ภรรยา บุตร เป็นต้น 

ซึ่งข้อดีของประกันชีวิตประเภทนี้คือค่าเบี้ยประกันต่ำ เหมาะสำหรับหัวหน้าครอบครัวที่ต้องการมอบเงินทุนไว้ให้คนข้างหลังกรณีที่ตนเองเสียชีวิตนั่นเอง

2. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ

ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ คือ ประกันชีวิตที่เน้นการคุ้มครองชีวิตระยะยาว แต่เราจะจ่ายเบี้ยประกันแค่ช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่งตามที่เราเลือก เช่น จ่ายเบี้ยประกันชีวิต 15 ปี แต่คุ้มครองยาวไปจนถึงอายุ 85 ปี เมื่อผู้ถือกรมธรรม์มีอายุอยู่ถึง 85 ปีก็จะได้รับทุนประกันคืน หรือถ้าเสียชีวิตระหว่างนี้ก็จะได้ทุนประกันคืนเช่นกัน โดยทุนประกันนี้จะตกไปเป็นของผู้รับผลประโยชน์ เช่น พ่อ แม่ สามี ภรรยา หรือบุตรตามที่เราระบุไว้ตอนทำสัญญา 

ซึ่งข้อดีของประกันชีวิตแบบตลอดชีพคือได้รับความคุ้มครองชีวิตนาน เหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวและต้องการมอบเงินทุนไว้ให้กับคนข้างหลังไว้ใช้ในอนาคต

 

3. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือ ประกันชีวิตที่ผู้ทำประกันจะได้ออมทรัพย์และยังได้ความคุ้มครองชีวิตเพิ่มมาด้วย ซึ่งผู้ถือกรมธรรม์จะได้รับผลตอบแทนมากกว่าเบี้ยที่จ่ายไป มีตัวเลขผลตอบแทนอย่างชัดเจน และมีการกำหนดว่าจะได้เงินสดคืนปีไหน เช่น หากคุณทำประกันชีวิต 15 ปี ได้รับความคุ้มครอง 20 ปี ซึ่งระหว่างนี้ผู้ทำประกันจะได้รับผลตอบแทนต่อเนื่องทุกปี ปีละ 2% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย แต่หากเสียชีวิตระหว่าง 20 ปีนี้ ผลตอบแทนก็จะตกไปอยู่กับผู้รับผลประโยชน์แทน โดยเงื่อนไขก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท

ซึ่งข้อดีของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือ ความเสี่ยงต่ำ ได้ออมเงินไปพร้อมๆ กับการได้รับความคุ้มครองชีวิตอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกการออมเงินอย่างมีวินัยและต้องการเงินก้อนไว้ใช้ในอนาคต เช่น เก็บไว้ใช้หลังเกษียณ เก็บไว้เป็นทุนการศึกษาของบุตรหลาน เก็บไว้เป็นเงินลงทุนทำธุรกิจของบุตรหลานในอนาคต เป็นต้น ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมเลือกทำประกันชีวิต 15 ปีขึ้นไป เพื่อให้มีระยะเวลายาวนานพอที่จะครอบคลุมช่วงชีวิตในช่วงสำคัญ

 

4. ประกันชีวิตแบบบำนาญ

ประกันชีวิตแบบบำนาญจะคล้ายประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ แต่เน้นการออมเงินไว้ใช้หลังเกษียณโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีเงินก้อนไว้ใช้หลังเกษียณ โดยผู้ทำประกันชีวิตแบบบำนาญจะต้องจ่ายเบี้ยประกันเป็นรายเดือนหรือรายปี ยกตัวอย่างเช่น กำหนดจ่ายเบี้ยประกันจนถึงอายุ 60 ปี ได้รับความคุ้มครองไปจนถึงอายุ 85 ปี ดังนั้นหมายความว่าหากเราจ่ายเบี้ยประกันไปจนครบอายุ 60 ปีแล้ว ระหว่างนี้ไปจนถึงอายุ 85 ปี เราก็จะได้รับเงินบำนาญจากบริษัทประกันตามสัญญาที่ทำไว้ ซึ่งประกันชีวิตแบบบำนาญเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินในช่วงชีวิตหลังเกษียณเพื่อไม่ให้เป็นภาระของลูกหลานนั่นเอง

การทำประกันชีวิตไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่เราต้องศึกษาหาข้อมูลและผลตอบแทนที่ตรงตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุด เพื่อความมั่นคงระยะยาวและความคุ้มค่าแก่การลงทุนนั่นเอง